รักที่ไม่พลัดพรากของตุ้ม

รักที่ไม่พลัดพรากของตุ้ม    โดย พ.อ.เบญจพล รังษีภาณุรัตน์ 25 ก.พ.55

 

เวลาประมาณสองทุ่มของวันที่ 25 ก.พ.49 ขณะที่ผมอยู่ระหว่างผลัดพักจากการทำงานจาก กอ.สสส.จชต. มาร่วมงานศพที่เพชรบุรี ก็ได้รับโทรศัพท์จากโจ้ ณตฐพล หน้าห้อง ผบ.ทบ. ว่าตุ้ม ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตพร้อมภรรยาที่ประเทศรัสเซีย 

ผมเองมารู้จัก ตุ้ม หรือ พันเอกสนธิชัย ตุ้มหิรัญ อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารไทย ฯ ณ กรุงมอสโก และสนิทกันตอนขึ้นปี 1 รร.นายร้อย ประมาณ พ.ค.23 ตุ้มเป็นหัวหน้าตอน ก 1 ซึ่งหมายถึงตุ้มมีคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ของรุ่นตอนจบจาก โรงเรียนเตรียมทหาร โดยมีผมเป็นรองหัวหน้าตอน ตุ้มเรียนจบเทอมแรกก็ไปเรียนต่อที่ รร.นายร้อยทหารบก VMI สหรัฐ เมื่อสำเร็จการศึกษาตุ้มเลือกเป็นทหารปืนใหญ่ ผมเลือกทหารราบจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เจอกัน

ในที่สุดเวลาผ่านไป 20 ปี ในปี 2543 ผมและตุ้มได้ย้ายกลับมาเจอกันอีกที่ตั้งเดิมของโรงเรียนนายร้อยแต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กองบัญชากองทัพบก โดยตุ้มทำงานให้กรมข่าว ผมทำในส่วนของกรมยุทธการ เรากลับมาสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องที่เราสนทนากันและวิธีการทำงานสอดคล้องกันเป็นอย่างดี ตุ้มเก่งภาษาอังกฤษ ผมเชี่ยวชาญการใช้คอมพิวเตอร์ จึงมีการสนับสนุนซึ่งกันและกันตลอดเวลา 

จากความที่เป็นคนเก่งของตุ้ม โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวต่างประเทศแบบเจาะลึกในการบรรยายสรุปตอนเช้าของ ศปก.ทบ. แบบที่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้ใกล้เคียง โดยผมมีส่วนช่วยเล็ก ๆ ด้วยการสนับสนุนวิธีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนอ การใช้งานอินเทอร์เน็ต และการสืบค้นข่าว ทำให้ตุ้มได้รับการคัดเลือกให้เป็น ผชท.มอสโก ซึ่งตุ้มก็ตอบแทนผมด้วยการค้นหาหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการเขียนใบสมัครงานที่ผมนำไปประยุกต์ใช้ในการเขียนใบสมัครงานของสหประชาชาติมาให้ผมตอนที่มีการประกาศรับสมัครไปทำงานกับสำนักงานใหญ่ สหประชาชาติ นิวยอร์ก ซึ่งหนังสือสมัครงานฉบับนี้เป็นส่วนสำคัญสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้ทางสหประชาชาติรับผมเข้าทำงาน และผมเชื่อว่ารูปแบบที่ผมเขียนนั้น ปัจจุบันได้แพร่กระจายเป็นตัวอย่างให้กับน้อง ๆ รุ่นหลังที่สมัครไปทำงานกับสหประชาชาติแบบที่ผมเคยทำมาแล้วเมื่อกว่า 10 ปีก่อน

ผมได้เดินทางไปทำงานที่นิวยอร์กก่อน โดยยังติดต่อกับตุ้มทาง MSN และอีเมลที่ผมตั้งให้ตุ้ม ตุ้มเขียนบทความต่าง ๆ หลายบทความมาลงเวบของผม และเรายังคงคุยกันเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ชิวิตและความรักแต่ละคนในอดีตที่ผ่านมา และเมื่อตุ้มเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่มอสโกแล้ว เราก็ยังคงติดต่อกันตลอดเวลาเราเล่าเรื่องในที่ทำงานใหม่ของแต่ละคนแลกกัน และตุ้มวางแผนว่าจะหาเวลาบินมาสหรัฐสักครั้ง โดยจะมาแวะหาผมเพื่อท่องนิวยอร์กด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้มานานแล้ว 

แต่ในที่สุดตุ้มก็ไม่ได้ไปนิวยอร์กตอนผมอยู่แต่เรามาเจอกันที่ประเทศไทยช่วง ธ.ค.48 ตุ้มลาพักมาจากรัสเซียมาทำธุรกรรมหลายอย่างและซื้อคอมพิวเตอร์เพิ่มเพื่อนำไปใช้งาน ผมลาพักมาจากปัตตานี ผมพาตุ้มไปซื้อ Notebook ที่พันธ์ทิพย์ ตกเย็นเราคุยกันที่ร้านอาหารแถวสามเสนจนร้านปิดและเราก็แยกจากกัน ผมจำได้ว่าผมแซวตุ้มว่าตุ้มรักภรรยามากไปหรือเปล่าเพราะทรัพย์สินทุกชนิดที่มีการลงชื่อซึ่งมาจากนัำพักน้ำแรงของตุ้ม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ ที่ดิน และคอนโดนั้น ตุ้มใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของทั้งหมด ตุ้มบอกว่าเขารักภรรยามากแม้ว่าจะไม่มีบุตรด้วยกัน แต่เขาอยากให้ภรรยาเขามั่นใจว่าเขารู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ และจะไม่ทิ้งภรรยาเขาไปไหนตราบชั่วชีวิต และเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างผมกับตุ้ม และเขาได้ทำตามสิ่งที่เขาบอกผมในอีกสองเดือนต่อมา

วันนี้ครบรอบ 6 ปีการจากไปของตุ้มและภรรยาที่เขารักที่สุดแล้ว ผมระลึกถึงเขาขึ้นมาเองอย่างอัตโนมัติเหมือนกับมีสิ่งลึกลับมากระตุ้นเตือนแบบไม่ทราบสาเหตุ ผมจึงเปิดค้นหาชื่อของเขาในอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ทราบในสิ่งที่ผมถามคนที่รู้จักตุ้มว่ากองทัพบกได้ตอบแทนอะไรให้แก่ตุ้มหลังการเสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่ได้รับคำตอบ แต่มาสบายใจและได้รับคำตอบจากข้อมูลที่สิบค้นจากเวบสนุก/มติชนผ่าน Google ในวันนี้ว่าหลังจากการจากไปของตุ้ม 10 เดือน ตุ้มได้รับการเลื่อนยศจาก พันเอกพิเศษ ให้เป็น พลโท ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรค่ากับเพื่อนตุ้ม อีกทั้งยังเป็นเกียรติประวัติที่สามารถใช้เป็นตัวอย่างของทหารที่ดี ซึ่งเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่แบบที่พวกเราเคยท่องกันสมัยเป็นนักเรียนทหารว่า "ตายในสนามรบ (หน้าที่) เป็นเกียรติของทหาร" ผมขอให้ดวงวิญญาณของเพื่อนตุ้มและภรรยาได้เดินทางสู่สรวงสวรรค์และหากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้ตุ้มได้กลับมาเป็นเพื่อนของเราอีกในทุกชาติไป

 

 

Visitors: 278,759